อาการแสบร้อนกลางอก สาเหตุ อาการ พร้อมวิธีดูแลและป้องกัน

เรียบเรียงโดย
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านกรดไหลย้อน จากกาวิสคอน

อาการแสบร้อนกลางอก เป็นความรู้สึกแสบร้อนบริเวณยอดอกอันมีสาเหตุจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับมาที่หลอดอาหาร

อาการแสบร้อนกลางอก หรือ Heartburn คืออะไร?

อาการแสบร้อนกลางอก หรือ Heartburn คือ อาการเจ็บแสบร้อนบริเวณหน้าอกหลังกระดูกอกและช่วงท้องส่วนบนที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร อาการนี้อาจรุนแรงจนรู้สึกจุกเสียดกลางอก เหมือนมีก้อนที่คอ หรือกลืนลำบาก หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาจเป็นสัญญาณของ โรคกรดไหลย้อน (GERD)

อาการแสบร้อนกลางอกมีสาเหตุมาจากอะไร?

อาการแสบร้อนกลางอก (Heartburn) เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร ทำให้เกิดการระคายเคืองและแสบร้อนบริเวณกลางอกหรือลิ้นปี่ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการนี้ ได้แก่

1. โรคกรดไหลย้อน (GERD - Gastroesophageal Reflux Disease)

เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก หรือ จุกเสียดกลางอก โดยเกิดจากความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง (LES) ที่คลายตัวบ่อยหรือปิดไม่สนิท ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นไป

2. การรับประทานอาหารบางประเภท

  1. อาหารบางชนิดกระตุ้นให้กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายขึ้น เช่น
  2. อาหารมัน ของทอด อาจนำไปสู่อาการแสบร้อนกลางอก, จุกเสียดกลางอก หรือ อาหารไม่ย่อยได้
  3. อาหารรสจัด เช่น เผ็ด เปรี้ยว
  4. ช็อกโกแลต
  5. คาเฟอีน (กาแฟ ชา)
  6. ผลไม้ที่มีกรดสูง เช่น ส้ม มะเขือเทศ
  7. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม

3. การกินอาหารและพฤติกรรมที่กระตุ้นอาการ

  1. กินอาหารมื้อใหญ่หรือกินเร็วเกินไป
  2. นอนราบหรือนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
  3. การดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป ทำให้เกิดแรงดันในกระเพาะ
  4. การสูบบุหรี่ เนื่องจากนิโคตินกระตุ้นการคลายตัวของกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง
    ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหาร

4. ความอ้วนและน้ำหนักเกิน

โดยคนที่มีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้เกิดแรงกดดันต่อกระเพาะอาหาร ส่งผลให้กรดไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหารง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกได้เช่นกัน

5. ความเครียดและการใช้ชีวิต

อาการแสบร้อนกลางอก อาจเกิดจากความเครียดสูง ซึ่งความเครียดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น และทำให้การย่อยอาหารผิดปกติ

6. การตั้งครรภ์

ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงและแรงกดดันจากมดลูกที่ขยายตัว อาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนและอาการจุกเสียดกลางอกได้

7. การใช้ยาบางชนิด

  1. ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน แอสไพริน
  2. ยาคลายกล้ามเนื้อ
  3. ยารักษาโรคความดันบางชนิด

8. โรคหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง

  1. ไส้เลื่อนกระบังลม (Hiatal Hernia) ทำให้กระเพาะอาหารเคลื่อนขึ้นไปในช่องอก
  2. แผลในกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร

อาการหลักของแสบร้อนกลางอก หรือ จุกเสียดกลางอก มีอะไรบ้าง

สัญญาณของอาการแสบร้อนกลางอกประกอบด้วย:

อาการแสบร้อนกลางอก (Heartburn) เป็นความรู้สึกแสบร้อนหรือเจ็บแน่นบริเวณกลางหน้าอกหรือลิ้นปี่ ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อกรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ความรู้สึกแสบร้อนกลางอกหรือลำคอภายหลังรับประทานอาหาร
  • มีของเหลวรสเปรี้ยว เค็ม หรือขมไหลขึ้นมาที่ลำคอร่วมกับมีอาการกลืนยาก
  • แน่นหน้าอก
  • ท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • เรอเปรี้ยว
  • รู้สึกวิงเวียนศีรษะ
  • คลื่นไส้อาเจียน

1. อาการหลักของแสบร้อนกลางอก

  1. รู้สึกแสบร้อนแน่นบริเวณกลางอกหรือลำคอ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร
  2. มีของเหลวรสเปรี้ยว เค็ม หรือขมไหลขึ้นมาที่ลำคอร่วมกับมีอาการกลืนยาก
  3. แสบลิ้นปี่หรือแน่นท้อง อาจรู้สึกคล้ายอาการอาหารไม่ย่อย
  4. เจ็บหรือแน่นบริเวณหน้าอก
  5. ท้องอืด ท้องเฟ้อ
  6. เรอเปรี้ยว
  7. อาการแย่ลงเมื่อเอนตัวหรือนอนราบ
  8. รู้สึกวิงเวียนศีรษะ
  9. คลื่นไส้อาเจียน
  10. แสบคอ

2. อาการที่อาจพบร่วม

  1. รู้สึกเหมือนมีก้อนจุกอยู่ที่คอ หรือกลืนลำบาก
  2. ไอแห้งเรื้อรัง หรือระคายคอจากการระคายเคืองของกรด
  3. เสียงแหบ หรือเจ็บคอ โดยเฉพาะหลังตื่นนอน
  4. มีเสมหะในลำคอ หรือรู้สึกต้องกระแอมบ่อย
  5. แน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก (ควรพบแพทย์หากสงสัยว่าเป็นอาการของโรคหัวใจ)
  6. ยาลดกรด (Antacids) เช่น อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์, แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ทันที
  7. ยาลดการผลิตกรด (H2 Blockers) เช่น รานิทิดีน (Ranitidine), ฟาโมทิดีน (Famotidine) ช่วยลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร
  8. ยากลุ่มยับยั้งโปรตอนปั๊ม (Proton Pump Inhibitors - PPIs) เช่น โอเมพราโซล (Omeprazole), แลนโซพราโซล (Lansoprazole) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรัง
  9. ยาลดกรดและบรรเทากรดไหลย้อน ที่มีส่วนประกอบของโซเดียม อัลจิเนต ผลิตจากสาหร่ายสีน้ำตาลจากนอร์เวย์ สร้างชั้นแพเจลที่ก่อตัวขึ้นเคลือบชั้นบนสุดของกระเพาะอาหารให้มีความหนา แข็งแรง คงสภาพได้นาน ทำให้กรดหรือน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไม่ไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเกิดอาการแสบร้อนบริเวณกลางอก อาหารไม่ย่อยจากกรดเกิน

 

ข้อมูลทั้งหมดข้างต้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการวินิจฉัยหรือสั่งใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากท่านมีอาการรุนแรงหรือมีอาการต่อเนื่อง กรุณาอ่านฉลากยาทุกครั้งก่อนใช้

 

ตรวจสอบอาการ

การรักษาอาการกรดไหลย้อน

คำถามที่พบบ่อย

A: กรดในกระเพาะทำหน้าที่ย่อยอาหารให้แตกตัว โดยมีกล้ามเนื้อหูรูดหรือ “วาล์ว” ในหลอดอาหารคอยทำหน้าที่กักกรดเอาไว้ แต่บางครั้งกรดก็อาจเล็ดลอดผ่านประตูวาล์วและทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกส่งผลให้ผู้ป่วยมักมีอาการไม่สบายท้องภายหลังรับประทานอาหารหรือเมื่อเอนตัวนอน อาการแสบร้อนกลางอกอาจเกิดถี่ขึ้นเมื่อเริ่มอายุมากเนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดอ่อนแอลงตามวัย

A: หากมีอาการแสบร้อนกลางอกเป็นประจำ หรือมีอาการแสบร้อนในทรวงอกเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหาร ท่านอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อน (GERD) อาการแสดงของเกิร์ดไม่ต่างจากอาการแสบร้อนกลางอกและอาหารไม่ย่อย หากแต่อาการจะเกิดถี่ขึ้นและเป็นเรื้อรัง ในกรณีนี้ควรปรึกษาแพทย์ทันที ท่านจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเนื่องจากเกิร์ดอาจเป็นสาเหตุของแผลในทางเดินอาหารและนำไปสู่ปัญหาการหายใจ อย่างไรก็ดีเกิร์ดสามารถรักษาได้ อีกทั้งการปรับพฤติกรรมเลือกทานชนิดอาหารและเครื่องดื่มก็เป็นขั้นตอนแรกที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้

A: อาการแสบร้อนกลางอกอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อการนอนหลับทั้งในเชิงคุณภาพการนอน และ จำนวนชั่วโมงที่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการนอนราบทำให้กรดไหลขึ้นมาที่ลำคอได้ง่าย ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก อาการแสบร้อนกลางอกยังสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อรับประทานอาหารปริมาณมากก่อนนอน เนื่องจากสร้างภาระต่อกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างและทำให้หูรูดเปิดออก

A: รูปแบบการดำเนินชีวิตเป็นปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญเสมอ การเลิกสูบบุหรี่ ระมัดระวังการรับประทานอาหาร และพยายามลดความเครียดล้วนเป็นวิธีที่ได้ผลดี ในระหว่างนั้น ยาบรรเทาอาการกรดไหลย้อนจากประเทศอังกฤษ ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ท่านด้วยกลไกการออกฤทธิ์สร้างชั้นแพเจลลอยตัวอยู่บนกรดในกระเพาะอาหารเพื่อปกป้องท่านจากอาการแสบร้อนกลางออกโดยเฉพาะในระหว่างนอนหลับ

A. แสบร้อนกลางอก หรือ Heartburn คืออะไร? อาการแสบร้อนหลังกระดูกอก จุกเสียดกลางอกที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปสู่หลอดอาหาร มักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารหรือขณะนอนราบ หรืองอตัว